วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2552

พระจิตเอย...เจ้าเป็นใคร

ในหลักข้อเชื่อเรื่อง ตรีเอกานุภาพ ของคริสเตียน มีองค์ประกอบอยู่ 3 อย่าง คือ พระบิดา พระบุตร (พระเยซู) และ พระจิต(พระวิญญาณบริสุทธิ์)

3 อย่างนี้ บรรดามนุษย์ได้ลงมติกันเอาเอง ( เพราะพระคัมภีร์ไม่เคยบอก - ผู้เขียน) ว่า ... เสมอเหมือนเท่ากัน ไม่มีใครใหญ่กว่า ไม่มีใครเหนือกว่า มีการเปรียบเทียบว่า เหมือนใบไม้ 1 ใบ ที่มี 3 แฉก พระเจ้า 1 องค์ มี 3 ภาค

... แน่นอนล่ะ ขืนบอกไม่เท่าเทียมกัน ก็มีปัญหาสิว่า ตกลงแล้วมีพระเจ้า 1 .. หรือ 3 องค์ ???


ทีนี้ ในเรื่องพระ บิดา แกับ พระบุตร บรรดามนุษย์ทั้งหลายก็สรรหาคำอธิบายมาต่างๆ นา ๆ เพื่อชี้ให้เห็นว่า ทั้ง 2 คือ พระเจ้า เท่ากัน

เหมือนอย่างที่ การลงมติในการประชุมวาติดันครั้งแรก ที่สรุปรวบรัดตัดตอน เพื่อยกย่องพระเยซูเป็นพระเจ้า โดยอ้างเหตุผลที่ว่า

ทั้งสอง "ทรงร่วมธรรมชาติเดียวกัน "


สมมติว่า ... เราแกล้งหลับหูหลับตาเชื่อว่า ... เอ้า เป็นพระเจ้า เพราะ ร่วมธรรมชาติเดียวกัน

แล้วพระจิต ล่ะ .... ???? ร่วมธรรมชาติกับใคร

ร่วมกับพระบิดา หรือ ร่วมกับ พระเยซู ???

แล้วแบบนี้ ... พระจิต ต้องถือเป็นพี่น้อง ของพระเยซูด้วยมั้ย ... หรือ เป็นพระบิดา ร่วมกับ พระบิดาของพระเยซู ... เอ็ะ ยังไง ????


ก่อนที่จะเริ่มงงไปกว่านี้ ... เอาใหม่ ตั้งสติใหม่


ถ้าเราถือว่า พระเยซูทรงเป็นพระเจ้า 100 % เทียบเท่าเสมอเหมือนกับพระบิดา เพราะไม่ได้เกิดจากพระบิดา ( การเกิดนั้น แสดงถึงการมีอยู่ของภาวะไร้ตัวตน หากพระเยซูมีการเกิด นั่นหมายถึง พระบุตรได้ผ่านช่วงเวลาของการไม่มีตัวตนมาก่อน ... ด้วยเหตุนี้ บรรดานักบวชในยุคแรก จึงใช้คำว่า "ร่วมธรรมชาติเดียวกัน เพื่อหนีการอธิบายเรื่องการเกิดของพระเยซู - ผู้เขียน) แต่ร่วมกับพระบิดา มาตั้งแต่เริ่ม

ดังนั้น ในกรณีเดียวกัน พระจิตก็ย่อมต้องมีสภาพเช่นเดียวกับ พระเยซู ใช่หรือไม่ คือ ร่วมธรรมชาิติเดียวกับ ทั้ง 3

คำถามแรก คือ ความเป็นพระเจ้า ได้เข้ามาสู่โลกนี้ ในฐานะของ พระบุตร ด้วยการกำเนิดนิรมล จาก มารีย์ จนกลายเป็น พระเยซู .... แล้ว พระจิต เข้ามาสู่โลกนี้ ด้วยวิธีใด ?

อย่าลืมว่า พระเยซูได้บอกว่า พระองค์จะทูลขอพระบิดา ให้ประทานผู้ช่วย ( parakletos) มาบุคคลหนึ่ง ( ยอห์น 14:16 ) คำว่า ผู้ช่วยในทีนี้ บรรดาผู้รู้ทั้งหลาย ต่างตีความว่าคือ พระวิญญาณบริสุทธิ์ หรือ พระจิต

แต่ คำว่า parakletos ในภาษากรีกนั้น หมายถึง ตัวบุคคล ไม่ใช่ วิญญาณ หรือ อากาศธาตุ ที่ล่องลอยไปมา เดิมทีคําๆนี้ถูกใช้ในศาลเพิ่อแสดงถึงผู้ให้ความช่วยเหลือในด้านกฎหมาย, ที่ปรึกษาในการให้คําแก้ต่าง [1]

..แล้ว ไหนล่ะ พระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่เป็นบุคคล ?????


คำถามที่สอง คือ เมื่อครั้งที่พระเยซูรับบัพติสมามานั้น ( มัทธิว 3:13-17) พระบิดาได้ตรัสเรียกพระเยซูว่า พระบุตร ... แน่นอนนี่คือ หลักฐานชัดเจนว่า การเป็นพระบุตร ได้ถูกกำหนดขึ้นอย่างเป็นทางการ จากพระเจ้า อีก 1

พูดง่ายๆ ก็คือ พระเจ้า A เรียกพระเจ้า A ( คือ ตัวตนพระเจ้าเอง) ในร่างของมนุษย์ที่ชื่อเยซูว่า "พระบุตร" และ พระวิญญาณ ควรต้องเรียกพระเยซู ว่าอะไร ... พระบุตร หรือ พระพี่ , พระน้อง , พระเพื่อน ????

ทีนี้ ... เราจะถือว่า พระวิญญาณ เป็นพระบิดาได้หรือไม่ ในเมื่อ การตั้งครรภ์ของมารีย์นั้น ก็ด้วยพระวิญญาณ ( มัทธิว 1:18 )

เช่นนี้แล้ว ใครคือพระบิดาที่แท้จริงกันแน่ พระบิดา พระวิญญาณ หรือ พระเยซู
ใครคือ คนทำให้ มารีย์ ตั้งท้อง ????

แน่อนนมารีย์ กำหนดจิตให้ท้องป่องเองไม่ได้หรอก เพราะมารีย์เป็นแค่มนุษย์
แล้ว ใคร ใน 3 บุคคล ที่ทำให้มารีย์ท้อง

ถ้าดูในพระคัมภีร์ ทั้งหมดเขียนเหมือนกันคือ "พระวิญญาณบริสุทธิ์" (มัทธิว 1:18 / ลูกา 1:35 )

ตกลงคือ พระบิดา ไม่ได้เกี่ยวอะไร ... และพระเยซูก็ไม่ใช่คนที่ทำให้ มารีย์ตั้งครรภ์
ดังนั้น หมายความว่า "พระวิญญาณบริสุทธิ์" เป็นมูลเหตุ ให้เกิด พระบุตร ต่างหาก ... ใช่หรือไม่

และที่น่าสมเพชยิ่งกว่าคือ หากเราถือว่า พระวิญญาณเป็นพระเจ้า ... พระองค์ก็น่าจะอ่อนแอมาก ด้วยเหตุที่ว่า พระองค์ไม่สามารถลงมาสู้ครรภ์ได้ด้วยตนเอง แต่ต้องอาศัย ข้าทาส ( คือ กาเบรียล ) เป็นผู้นำลงมา


สรุปแล้ว .... เราก็ไม่อาจเข้าใจได้อยู่ดีว่า

ตกลงแล้ว พระจิต เป็นบุคคล ... หรือ ไม่เป็นบุคคล ?
ตกลงแล้ว พระจิต ร่วมธรรมชาติเดียวกับใคร ในฐานะอย่างไร ?
ตกลงแล้ว พระจิต คือ มูลเหตุให้พระนางมารีย์ตั้งครรภ์ หรือ ตัวพระบิดาเอง ?
ตกลงแล้ว พระจิต มีสถานะความเป็นพระเจ้า 100 % หรือ เป็นแค่สิ่งที่ พระบิดา สร้าง


พระจิตเอย...เจ้าเป็นใครกันแน่ ???



-------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ในหนังสือ Concise Theology ของ J I Packer ให้คำอธิบาย parakletos ว่า พันธกิจของพระผู้ช่วย เป็นพันธกิจของความเกี่ยวเนื่องส่วนบุคคล ซึ่งมีนัยว่าผู้ที่จะกระทำพันธกิจเช่นนั้นให้สำเร็จได้ จะต้องมีความเป็นบุคคลอย่างสมบูรณ์


-------------------------------------------------

สงวนสิทธิ์ บทความเพื่อเผยแพร่ความรู้
หากนำบทความไปใช้ กรุณาระบุที่มา

วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

3 เหตุผลที่ ตรีเอกานุภาพ ไม่มีจริง

คริสเตียน ทุกคน ย่อมได้รับการปลูกฝังมาเสมอว่า หลักการข้อเชื่อที่สำคัญที่สุดของการเป็นคริสเตียน นั้นคือ การเชื่อใน

ตรีเอกานุภาพ , ตรีเอกภาพ หรือ Trinity

แต่ ในความเป็นจริงแล้ว หลักการข้อนี้ ไม่ใช่หลักการที่ถูกต้อง และ เป็นหลักการที่แต่งเติม รวมทั้งหยิบยืมมาจากความเชื่อของพวกนอกรีตต่างศาสนาต่างหาก !!!!

มาดูเหตุผลกัน


-------------------------------------------------

ข้อ 1 . ตรีเอกานุภาพ , ตรีเอกภาพ หรือ Trinity ... ไม่มีปรากฎคำนี้ในพระคัมภีร์ !!!

เรื่อง นี้คือเรื่องจริง ... คุณสามารถหยิบพระคัมภีร์มาเปิดหาเพื่อโต้แย้งได้เลย .. และคุํณจะแปลกใจทันทีว่า หลักข้อเชื่อที่สำคัญที่สุดข้อนี้ของคริสเตียน กลับไม่มีจารึกอยู่ในพระคัมภีร์แม้แต่ประโยคเดียว

แต่เรื่องที่พระเยซู สอนให้เคารพพระเจ้า หรือ พระบิดาเพียงพระองค์เีดียวนั้น กลับพบอยู่มากมายในพระคัมภีร์

ไม่แปลกใจบ้างหรือ ?

แล้วคำนี้ มาได้อย่างไร ...

คำ ว่า ตรีเอกภาพ หรือ Trinity ผันมาจากคำว่า ตรีนิตาส (Trinitas) ในภาษาลาติน ที่แปลว่า “ความเป็นสาม” ถูกอธิบายขึ้นโดย เซนต์ออกัสติน ( St.Augustine) ซึ่งมีชีวิตอยูในคริสต์ศตวรรษที่ 5

สังเกตได้ว่า คำนี้ มาจากภาษาลาติน ... แต่พระคัมภีร์ต้นฉบับเดิมนั้น เป็นภาษาอาราเมก หรือ กรีก
จึงเห็นได้ชัดว่า การบัญญัติคำนี้ขึ้นมา จึงไม่ใช่มาจากคำพูด หรือ คำสอนของพระเยซู และ ไม่ได้มาจากตัวพระคัมภีร์ด้วย

แต่มาจาก ... มนุษย์ ...

หมายความว่า หลักข้อเชื่อสำคัญของการเป็นคริสเตียน มาจากการบัญญัติของมนุษย์อย่างนั้นหรือ ?

หรือ เป็นไปตามที่พระเยซู ตรัสไว้ว่า

“เขานมัสการเราโดยหาประโยชน์มิได้ ด้วยเอาบทบัญญัติของมนุษย์มาตู่ว่า เป็นพระดำรัสสอนของพระเจ้า” (มัทธิว 15:9)

-------------------------------------------------



ข้อ 2 . มีการเติมแต่งพระคัมภีร์ เพื่อส่งเสริมความเชื่อเรื่อง ตรีเอกภาพ ( Trinity ) !!!


แค่การเพิ่มเติม 1 ตัวอักษร ในพระคัมภีร์ มันก็เป็นการไม่สมควรอยู่แล้ว หากเราคิดว่า พระคัมภีร์ไบเบิ้ลนี้ มาจากพระเจ้าจริง ๆ !!


การแต่งเติมข้อความนี้ คือ ข้อความที่กล่าวว่า


“For there are three that bear record in heaven, the Father, the Word, and the Holy Ghost: and these three are one” (1John 5:7)


ซึ่งมีความหมายภาษาไทยดังนี้


“เพราะมีพยานอยู่สามพยานในสวรรค์ คือพระบิดา พระวาทะ และพระวิญญาณบริสุทธิ์ และพยานทั้งสามนี้เป็นองค์เดียวกัน” ( 1 ยอห์น 5:7)
( http://thaipope.org/webbible/62_005.htm)


ข้อ ความข้างต้นในพระคัมภีร์นั้น มักถูกนำไปใช้เป็นข้ออ้าง แบบข้าง ๆ คู ๆ ถึงการยืนยันเรื่อง ตรีเอกภาพ (Trinity) ทั้ง ๆ ที่ข้อความนี้ ไม่กล้าที่จะพูดออกไปตรงๆ ว่า ... ตรีเอกภาพ (Trinity) แต่กลับใช้คำกำกวม ให้ตีความหมายชี้นำไปในทางนั้น


เหตุที่กล่าวว่า ข้อความนี้แต่งเติมขึ้นมา ก็เพราะว่า ...


ข้อความดังกล่าวข้างต้นนั้น ปรากฎอยู่ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลเพียง ฉบับเดียว คือ ฉบับของ คิงเจมส์ หรือ King James Version (KJV) แต่ในขณะเดียวกัน ข้อความดังกล่าวข้างต้น ไม่พบอยู่ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ฉบับอื่นๆ เลย !!


ในฉบับ New International Version นั้น ถูกแทนที่ด้วยข้อความว่า


For there are three that testify: the Spirit, the water and the blood; and the three are in agreement. (1John 5:7-8)


พร้อมกับ หมายเหตุไว้ด้วยว่า

not found in any Greek manuscript before the sixteenth century !!!


แปลเป็นไทยว่า ไม่พบข้อความนี้ ในต้นฉบับภาษากรีก ก่อน ศตวรรษที่ 16 !!!!



... เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ... ในการตีพิมพ์ ไบเบิ้ลเป็นภาษาอังกฤษเวอร์ชั่นแรก โดย อีราสมุส ( Desiderius Erasmus) นั้น ... อีราสมุส แปลออกมาจากต้นฉบับภาษากรีก ซึ่งไม่มีข้อความใดที่ยืนยันถึงหลักตรีเอกภาพดังกล่าว แต่ถูกศาสนจักรวิจารณ์อย่างแรงว่าผิดพลาดอย่างมากในการกระทำเช่นนี้ และให้เพิ่มข้อความนี้ลงไป แต่อีราสมุสแย้งว่า เขาไม่เคยพบข้อความนี้ในต้นฉบับภาษากรีก จึงไม่อาจใส่ลงไปได้ แต่อีราสมุสก็กล่าวว่า หากมีการค้นพบต้นฉบับที่มีข้อความดังกล่าวจริง เขาจะตีพิมพ์ให้ ข้อความนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ Comma Johanneum


ซึ่ง ก็น่าเหลือเชื่อ ที่ดันมีการค้นพบข้อความนี้ ซึ่งเป็นข้อความที่นำมาจากไบเบิ้ลของ ฟรอย บาทหลวงคาทอลิก คณะฟรังซิสกัน ... อีราสมุส จึงต้องจำใจทำตามสัญญา โดยเพิ่มข้อความนี้ลงไป ในไบเบิ้ลเวอชั่น 3 ของเขา .... แต่ได้เขียนฟุ๊ตโน็ตไว้ข้างท้าย พร้อมกับตั้งคำถามว่า ข้อความดังกล่าวนั้น เป็นของแท้แน่หรือ ?


เรื่องการบิดเบือนข้อความไบเบิ้ล ในประโยคนี้ อาจหาอ่านได้จาก ปราชญ์ไบเบิ้ลหลายท่าน ตัวอย่างเช่น

An Historical Account of Two Notable Corruptions of Scription เขียนโดย เซอร์ ไอแซค นิวตัน ... ซึ่งท่านให้ความเห็นว่า ข้อความดังกล่าวนั้น ( Comma Johanneum ) เป็นข้อความที่ถูกเติมเข้าไปในศตวรรษที่ 16 ในปี 1515 โดย คาร์ดินัล Ximenes


ใน ปัจจุบันนั้น บรรดาปราชญ์ไบเบิ้ล แทบจะไม่พูดถึงเรื่องนี้ และ พยายามหลีกเลี่ยงการแสดงหลักฐานความน่าเชื่อถือ ของข้อความนี้ เนื่องด้วยสาเหตุของความไม่ชัดเจนของที่มาของข้อความดังกล่าว นั่นเอง



-------------------------------------------------


ข้อ 3 . ความเป็นตรีเอกภาพ ( Trinity) ... มีความขาดหาย ไม่ต่อเนื่อง !!!



สำหรับ คริสเตียนแล้ว สภาพของตรีเอกภาพนั้น ถูกถือเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง เพราะเป็นสภาพที่มีอยู่เฉพาะพระเจ้าเท่านั้น กล่าวคือ สภาพของตรีเอกภาพ ที่ประกอบด้วย พระบิดา พระบุตร และ พระจิืต นั้น จะคงอยู่เคียงข้างกัน และ อยู่ด้วยกันเสมอ ทุกที่ ตลอดเวลา โดยทรงสภาพของความเป็นพระเจ้าเท่าเทียมกัน


พูดง่ายๆ ก็คือ พระเจ้ามี 1 แต่ มี 3 บุคลิก หรือ 3 ภาค ... แต่ทั้งหมดก็คือ พระเจ้า 100%


เพราะ หากทั้ง 3 แยกกัน หรือ สิ่งใดสิ่งหนึ่งสูญหายไป แน่นอนว่า ความเป็นตรีเอกภาพย่อมไม่สมบูรณ์ และเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า ตรีเอกภาพนั้น ไม่ใช่ความเป็นพระเจ้า หรือ ไม่มีจริง ไม่ใช่สิ่งสัตย์จริง นั่นเอง



แล้ว ตรีเอกภาพ หายไปตอนไหน ?


สำหรับ ในพระคัมภีร์เก่า ( Old Testament ) นั้น เห็นได้ชัดว่า แทบจะไม่มีการกล่าวถึง "พระบุตร" หรือ พระเยซู เลย การมีอยู่ หรือ การกระทำของพระเจ้านั้น ไม่มีข้อความใด หรือ หลักบานใด ที่แสดงถึงการมีอยู่ร่วมกัน ของ 3 สิ่ง ที่เรียกว่า ตรีเอกภาพเลย


ซึ่ง คริสเตียน มักจจะให้เหตุผลว่า เพราะชาวยิว ไม่เข้าใจสภาพของพระเจ้า หรือ เข้าใจ ในสภาวะของ ตรีเอกภาพ ดังนั้นในพระคัมภีร์เก่า ( Old Testament )จึงไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ ... ซึ่งก็น่าย้อนถามเช่นกันว่า แล้วคริสเตียนเอง เข้าใจสภาพและอธิบายการมีอยู่ของ ตรีเอกภาพได้แค่ไหนกัน ?
ถึงได้ยกเรื่องนี้ไว้ เป็นเรื่องเร้นลับ ....


ส่วน พระคัมภีร์ใหม่ ( New Testament ) นั้น มีข้อพิจารณาในหลายส่วนเช่นกัน ที่ต้องถามว่า ความเป็นสาม ของพระเจ้า หายไปไหน ? ตัวอย่างเช่น


“เมื่อ เขาทั้งสองยังอยู่ที่นั่น ก็ถึงเวลาที่มารีย์จะประสูติบุตร นางจึงประสูติบุตรชายหัวปี เอาผ้าอ้อมพันและวางไว้ในรางหญ้า เพราะว่าไม่มีที่ว่างให้เขาในโรงแรม” ( ลูกา 2:6-7)

คำถาม สำหรับตรงนี้ก็คือ ณ จุดนี้ เรายังเรียกว่า บุตรที่นางมารีกำลังจะคลอดนั้น ทรงสภาพความเป็นพระเจ้าหรือไม่ ?

หาก เราตอบว่า ณ จุดนี้ เด็กก็คือ มนุษย์ธรรมดา ที่คลอดจากครรภ์มารดาแล้ว ...เช่นนี้แสดงว่า สภาพของ ตรีเอกภาพ บกพร่องไป 1 ส่วนใช่หรือไม่ ???

แต่หากเรายังคงยืนกรานว่า เด็กนั้นทรงสภาพความเป็นพระเจ้าอยู่แล้ว เราจะตอบคำถามกับ พระคัมภีร์ข้อนี้อย่างไร ที่กล่าวว่า


องค์ พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสว่า

"เราเป็นอัลฟาและโอเมกา เป็นปฐมและเป็นอวสาน ผู้ทรงเป็นอยู่เดี๋ยวนี้ ผู้ได้ทรงเป็นอยู่ในกาลก่อน ผู้จะเสด็จมานั้น และผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด" (วิวรณ์ 1:8)


พระเจ้า มีการเกิดขึ้นหรือ ? ... พระเจ้ากำลังมุดหัวออกจากช่องคลอดของมนุษย์ผู้หญิงคนหนึ่ง แบบนั้นรึเปล่า ? พระเจ้าทรงสภาพอ่อนแอ ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ในสภาพของการเป็นทารก ?

นี่คือ พระเจ้าหรือ ? ... ลองคิดดู


นอก จากนี้ หากเราอ่านในพระคัมภีร์ในหลายๆ ตอน เราจะพบว่า พระเยซูนั้น ยืนยันว่า ตัวท่านไม่ได้เป็นพระเจ้า หรือ มีสภาพด้อยกว่าพระเจ้าที่เป็นพระบิดา

ซึ่งเป็นหลักฐานที่แสดงว่า หลักการที่อธิบายว่า ตรีเอกภาพ คือ พระเจ้า 3 ภาคที่เสมอเท่าเทียมกันนั้น ย่อมใช้ไม่ได้ ตัวอย่างเช่น


“และเมื่อพระองค์ทรงอดพระกระยาหารสี่สิบวันสี่สิบคืนแล้ว ภายหลังพระองค์ก็ทรงอยากพระกระยาหาร” (มัทธิว 4:2)

“ครั้นเวลาเช้าขณะที่พระองค์เสด็จกลับไปยังกรุงอีก พระองค์ก็ทรงหิวพระกระยาหาร” (มัทธิว 21:18)

“หลังจากนั้นพระเยซูทรงทราบว่า ทุกสิ่งสำเร็จแล้ว เพื่อพระคัมภีร์จะสำเร็จจึงตรัสว่า "เรากระหายน้ำ” (ยอห์น19:28)

“ดูเถิด เกิดพายุใหญ่ในทะเลจนคลื่นซัดท่วมเรือ แต่พระองค์บรรทมหลับอยู่” (มัทธิว 8:24)



เห็นได้ว่า พระเยซูนั้น ไม่ได้ทรงสภาพของพระเจ้าอยู่เลย ...พระเจ้าหิว หรือ เมื่อยล้าได้อย่างไร ในเมื่อพระคัมภีร์บอกไว้เองว่า



“ท่านไม่เคยรู้หรือ ท่านไม่เคยได้ยินหรือ พระเยโฮวาห์ทรงเป็นพระเจ้าเนืองนิตย์ คือพระผู้สร้างที่สุดปลายแผ่นดินโลก พระองค์มิได้ทรงอ่อนเปลี้ย หรือเหน็ดเหนื่อย ความเข้าพระทัยของพระองค์ก็เหลือที่จะหยั่งรู้ได้” (อิสยาห์ 40:28)



แม้ คริสเตียนจะถูกสั่งสอนมาว่า พระเยซูนั้น ก็ทรงสภาพของมนุษย์ด้วยก็ตาม แต่ในทางเดียวกัน พระองค์ ก็ทรงสภาพความเป็นพระเจ้าอยู่ด้วย ... ใช่หรือไม่ ?

สิ่งที่ปรากฎข้างต้น จึงสะท้อนให้เห็นว่า พระเยซูขาดจากสภาพของความเป็นพระเจ้าไป ซึ่งส่งผลให้ หลักตรเอกภาพ ขาดหายไป ... นี่คือสิ่งที่ต้องพิจารณา

ยังมีอีกหลายตัวอย่าง ในพระคัมภีร์ ที่สะท้อนให้เห็นว่า หลักตรีเอกภาพนั้น ไม่ได้มีอยู่จริง .. ขึ้นอยู่กับว่า เราจะพิจารณาด้วยเหตุผล หรือ เชื่ออย่างงมงาย เท่านั้นเอง


-------------------------------------------------

สงวนสิทธิ์ บทความเพื่อเผยแพร่ความรู้
หากนำบทความไปใช้ กรุณาระบุที่มา